โครงการทำบุญตักบาตรทุกวันอังคาร เมื่อวันอังคารที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๘ เวลา ๐๗.๐๐ - ๐๘.๒๐ น. ณ ถนนสายบุญ และอาคารอุบล เรียงสุวรรณ
วันอังคารที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เวลา ๐๗.๐๐ - ๐๘.๒๐ น. ณ ถนนสายบุญ และอาคารอุบล เรียงสุวรรณ อาจารย์และนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ เป็นเจ้าภาพ ทำบุญถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ โดยมี พระมหาสนั่น สนฺตจิตฺโต จากวัดเสมียนนารี พระอารามหลวง รับบาตรและแสดงธรรมแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนในการเข้าค่ายกลางวันป.๔ ความว่า“การสร้างสถานะต่าง ๆ ให้กับชีวิต เด็ก ๆ ทุกคนจะต้องเดินทางไกล การเดินทางไกลหมายถึงว่าชีวิตจะต้องไปข้างหน้า จะเจออะไรบ้าง เป็นเรื่องที่ตอบยาก แต่ว่า ณ ปัจจุบัน ขอให้ทำดีไว้ก่อน กิจกรรมที่คุณครูได้จัดให้ เบื้องต้นวันนี้เป็นการสร้างความดี
ความดีที่ทำในวันนี้มี ๓ เรื่องด้วยกัน ๑. เรื่องการรักษาศีล ศีลแปลว่าความปกติ เช่นเราไม่ไปทุบไปตีใคร ไม่ขโมยของเพื่อน ไม่พูดกล่าวเท็จไม่ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขที่ก่อให้เกิดความมึนเมา รักษาศีล ๒. เรื่องการถวายสังฆทาน ๓. เรื่องการฟังเทศน์ เป็นบุญทางทฤษฎีที่เรียกว่า ศีล ทาน บารมี ว่าเป็นศีลพิเศษสำหรับมนุษย์ เพราะว่าชีวิตแต่ละคนเกิดมาก็แตกต่างกันไป รูปร่างหน้าตา ความมั่งมีศรีสุข ความเฉลียวฉลาด จะสังเกตได้ว่า ทุกคนเรียนหนังสือ ก็อาจจะมีเก่งบ้าง ธรรมดาบ้าง นั่นเป็นเรื่องของบุญที่เราสร้างมาต่างกัน นักเรียนทุกคนตั้งใจทำความดี ก็ถือว่าได้รับการปลูกฝังมาเป็นอย่างดี เด็ก ๆ เหมือนปูวิ่งในกระด้ง คุณครูต้องช่วยดูแลในด้านการอยู่กับเด็ก ๆ คุณครูต้องอดทน อดด้วย ทนด้วย คุณครูก็ผ่านชีวิตของความเป็นเด็กมาคงจะรู้ ว่ามันเป็นอย่างนี้ ธรรมดาของชีวิต เบื้องต้นก็อาจจะซน สนุกสนาน เรียกว่ามีความสนุกสนานในการละเล่นมากกว่าสาระ เด็ก ๆ ต้องมีการพัฒนามีการเรียนรู้ ผิดบ้าง ถูกบ้าง
กิจกรรมที่จะเกิดขึ้น การเข้าค่ายวันเสาร์ การเข้าค่ายเป็นการฝึกตัวเรา การเข้าค่ายคือการมาอยู่รวมกัน เป็นกลุ่มเป็นคณะ แล้วก็มีกิจกรรมร่วมกัน ทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่คุณครูแนะนำ เป็นการฝึกเพื่อให้รับผิดชอบ ในกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น คือชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า มีการเปลี่ยนแปลง ตอนนี้เราสบายอยู่บ้านพ่อแม่ ตื่นเช้ามามีคนปลุกให้มาโรงเรียน พ่อแม่ทำอาหารให้ทาน มารับมาส่งที่โรงเรียน พ่อแม่คอยเตรียมที่นอนให้นอน สบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
การเข้าค่ายจึงเป็นการฝึกทุกคนให้รับผิดชอบ ฉะนั้นในการเข้าค่าย สำคัญคือต้องเรียนรู้ สิ่งที่ต้องใช้คือ สมอง ความคิด ภาษาทั่วไปเรียกว่า ต้องมีสติ สติคือการระลึก รู้ ว่าจะทำอะไร เหมือนเวลาเราหิว เราก็ไปเข้าครัว เมื่อถึงเวลา เราก็มาโรงเรียน การเรียนหนังสือก็ต้องใช้ หูฟัง ตาดู ปากเงียบ นี่คือกระบวนการของการมีสติ ต้องรู้ว่าต้องทำอะไรบ้าง เช่นตอนนี้เรากำลังใช้หูฟัง ตาดู ปากเงียบ นี่คือการฝึกสติ ฉะนั้นการเข้าค่าย เวลาคุณครูแนะนำต้องฟังแล้วก็คิดให้ดีว่าจะต้องทำอะไร คือฝึกเรียนรู้ว่า คุณครูจะแนะนำ หนี่ง สอง สาม จะทำอะไรบ้าง เรามากันหลายคน จะต้องร่วมมือกัน มีสติแล้วก็จะต้องมีความสามัคคี สามัคคีคือการร่วมมือร่วมใจในการทำกิจกรรม การสามัคคีร่วมใจเปรียบเสมือนอวัยวะในร่างกาย เช่น จะไปไหนมาไหนต้องใช้ขา เวลาเราจะจดอะไรต้องใช้มือ เวลาจะรับประทานต้องใช้ปาก เวลารถมาเราต้องใช้เท้าในการวิ่งหลบรถนี่คือกระบวนการของความสามัคคีร่างกายต้องสามัคคี ถ้าหิวข้าวแล้วปากไม่อ้า จะรับประทานอาหารอย่างไร ถ้าปากอ้าแต่มือไม่ขยับจะรับประทานได้หรือไม่ เพราะเราขาดความสามัคคีกัน มือกับปากไม่สามัคคีกัน หรืออย่างเช่น ตามองเห็นรถวิ่งมา เรายืนอยู่บนถนน สมองสั่งขาให้หลบ ถ้าตาเห็นแล้วสมองไม่สั่งขาให้หลบรถ รถก็ชน นี่เรียกว่าการขาดความสามัคคี
การเข้าค่ายเป็นการฝึก มีสติที่จะเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ สามัคคีที่จะร่วมมือกัน ทุกคนเปรียบเหมือนตา เหมือนแขน เหมือนขา ที่จะทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย คุณครูก็จะไม่ต้องกังวล ไม่ต้องเหนื่อย ถ้าทุกคนไม่สามัคคีกัน ต่างคนต่างทำ คุณครูก็จะเหนื่อยคุณครูต้องพูดมาก เราอยู่กันหลายคน ต้องช่วยกันแบ่งเบาภาระคุณครูให้หายเหนื่อย หลักสำคัญที่ขอฝากเด็ก ๆ ในการเข้าค่ายครั้งนี้ คือความตั้งใจ มีสติ และมีความสามัคคี ร่วมมือร่วมใจในการทำกิจกรรมให้ดี ตั้งใจทำความดี สร้างสิ่งที่เกิดสาระประโยชน์ให้ตัวเอง ต่อไปจะได้เจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ”